ประโยชน์และโทษที่อาจเกิดแก่สุขภาพ ของ สไปรูลินา (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร)

สไปรูไลนามีฟีนิลอะลานีน ซึ่งควรหลีกเลี่ยงในผู้ที่มีอาการผิดปกติของเมตาโบลิซึม ที่ชื่อ ฟีนิลคีโตนูเรีย โดยร่างกายไม่สามารถเผาผลาญกรดอะมิโนชนิดดังกล่าวได้ ทำให้กรดอะมิโนไปสะสมอยู่ในสมอง ซึ่งทำให้เกิดความเสียหาย[13] เนื่องจากสไปรูไลนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกาจึงไม่ได้วางระเบียบคุ้มครองและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ สไปรูไลนาเป็นสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินแบบหนึ่ง ซึ่งทราบกันว่ามีบางชนิดที่ผลิตพิษ อาทิ ไมโครซิสติน, BMAA และอื่น ๆ ปัจจุบันยังไม่มีมาตรฐานใดมาวางระเบียบความปลอดภัยของสไปรูไลนา[14]

การวิจัยสภาพแวดล้อมเทียม

สไปรูไลนาสกัดการถ่ายแบบเอชไอวี ในทีเซลล์ของมนุษย์, เม็ดเลือดขาวชนิดเซลล์เดียว (PBMC) และเซลล์แลงเกอร์ฮานส์[15]

ในการศึกษาสภาพแวดล้อมเทียมใน พ.ศ. 2551 สรุปว่าสไปรูไลนาอาจมีคุณสมบัติคีเลชั่นอย่างเหล็ก เซลล์นิวโรบลาสโตมาของมนุษย์ถูกรักษาโดยเหล็กในปริมาณที่เป็นพิษ จากนั้นจึงค่อยรักษาด้วยสไปรูไลนา เมื่อรักษาแล้ว ภาวะอนุมูลอิสระเกิน (oxidative stress) ที่เกิดจากเหล็กนั้นก็ลดลง[16]

การวิจัยในสัตว์

สไปรูไลนาช่วยป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจถูกทำลาย (heart damamge) จากเคมีบำบัดโดยใช้ดอกโซรูบิซิน โดยไม่เข้าไปแทรกแซงกิจกรรมออกฤทธิ์ต้านเนื้องอกของยาเลย[17] สไปรูไลนายังลดความรุนแรงของโรคหลอดเลือดสมองและช่วยฟื้นฟูการควบคุมการเคลื่อนไหวหลังเกิดโรค[18] ลดความเสื่อมถอยของความจำและการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับอายุ[19] ตลอดจนป้องกันและรักษาไข้ละอองฟาง[20]

การศึกษาเมตาบอลิซึมในหนูชี้ว่า สไปรูไลนามีผลกระทบน้อยมากต่อเมตาบอลิซึมของพวกมัน และดังนั้นจึงอาจมีผลอย่างเดียวกันในมนุษย์ด้วย[21]

การศึกษากับหนูที่ป่วยเบาหวาน สรุปว่า Spirulina maxima มีประสิทธิภาพในการแก้ไขเมตาบอลิซึมคาร์บอไฮเดรตและลิพิดที่ผิดปกติ ซึ่งเกิดจากฟรักโทสเกินในร่างกาย[22]

การศึกษา พ.ศ. 2553 สรุปว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสไปรูไลนาแสดงให้เห็นว่า ชะลออาการของระบบกล้ามเนื้อระยะเริ่มต้นและพัฒนาการของโรค ลดตัวชี้วัดสภาวะการอักเสบและเซลล์ประสาทสั่งการตายในหนูต้นแบบโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง[23]

การวิจัยในมนุษย์

ในเด็กโรคขาดสารอาหาร ไม่ว่าจะติดเชื้อเอชไอวีหรือไม่ก็ตาม พบว่าสไปรูไลนาเพิ่มน้ำหนักและแก้ไขภาวะโลหิตจางได้[24] ยังมีรายงานด้วยว่าสไปรูไลนาเป็นการบำบัดเมลาโนซิสและเคราโทซิสเนื่องจากการได้รับพิษสารหนูเรื้อรัง[25]

การศึกษาใน พ.ศ. 2548 พบว่า สไปรูไลนาสามารถป้องกันไข้ละอองฟางได้[26] การศึกษาใหม่กว่าที่เป็นแบบปิดสองทางและมียาหลอกเป็นตัวควบคุม (double blind, placebo controlled) ใน พ.ศ. 2551 ในผู้ป่วยโรคภูมิแพ้จมูก 150 คน พบว่า Spirulina platensis สามารถลดการหลั่งอินเตอร์ลิวคิน-4 ที่เป็นเหตุให้เกิดการอักเสบ ได้ 32% และผู้ป่วยมีอาการบรรเทาลง[27] ยิ่งไปกว่านั้น สไปรูไลนาถูกพบว่าลดการอักเสบที่เกี่ยวกับภาวะข้ออักเสบในผู้ป่วยสูงอายุ โดยกระตุ้นการหลั่งอินเตอร์ลิวติน-2 ซึ่งช่วยควบคุมการตอบสนองการอักเสบ[28]

การศึกษา พ.ศ. 2550 พบว่า อาสาสมัคร 36 คนที่ได้รับสไปรูไลนา 4.5 กรัมต่อวัน เป็นเวลานานกว่าหกสัปดาห์ มีความเปลี่ยนแปลงในคอเลสเตอรอลและความดันโลหิตอย่างสำคัญ คือ (1) ลดคอเลสตอรอลรวม (2) เพิ่ม HDL คอเลสเตอรอล (3) ลดไตรกลีเซอไรด์ และ (4) ลดความดันโลหิตทั้งขณะบีบและคลาย[29] อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้ไม่มีกลุ่มควบคุม นักวิจัยจึงไม่อาจมั่นใจได้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้นี่เป็นผลทั้งหมด หรือแม้กระทั่งบางส่วน ของการได้รับ Spirulina maxima ซึ่งตรงกันข้ามกับตัวแปรรบกวน (นั่นคือ ความตรงภายในและคุณลักษณะอุปสงค์) การศึกษาแบบสุ่ม อำพรางสองฝ่าย และมีการแทรกแซงด้วยยาหลอก (randomized, double-blind, placebo-controlled intervention) ในผู้ป่วยสูงอายุพบว่า สไปรูไลนาช่วยลดอัตราส่วน LDL ต่อ HDL ลงอย่างมากหลังได้รับเป็นเวลาสี่เดือน[28]

การศึกษาอีกชิ้นหนึ่งใน พ.ศ. 2550 สรุปว่าสไปรูไลนาพัฒนาศักยะต้านอนุมูลอิสระในผู้ป่วยสูงอายุหลายคนซึ่งได้รับการให้สไปรูไลนาเป็นเวลา 16 สัปดาห์ พลาสมาของผู้ป่วยเหล่านี้แสดงให้เห็นระดับที่เพิ่มขึ้นของสถานะต้านอนุมูลอิสระ[28] การศึกษาแบบปิดสองทางและมียาหลอกเป็นตัวควบคุมใน พ.ศ. 2549 พบว่า การให้สไปรูไลนาเป็นกสารเสริมลดปริมาณของเอตินไคเนส (ตัวชี้วัดภาวะการสูญเสียกล้ามเนื้อ) ในบุคคลหลังออกกำลังกาย ยิ่งไปกว่านั้น เวลาของกลุ่มทดลองที่จะเหนื่อยระหว่างการวิ่งบนสายพานเพิ่มขึ้น 52 วินาที ซึ่งผลกระทบเหล่านี้คาดกันว่าเป็นศักยะต้านอนุมูลอิสระของสไปรูไลนา[30]

ตามการวิเคราะห์ผลการวิจัยของสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐ การได้รับสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินดูเหมือนจะไม่ช่วยในการลดน้ำหนักแต่อย่างใด[31]

แหล่งที่มา

WikiPedia: สไปรูลินา (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร) http://www.lipidworld.com/content/6/1/33 http://www.springerlink.com/content/l7027v518x1g7p... http://hscweb3.hsc.usf.edu/health/now/?p=16227 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/10552882 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/10811570 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/12656203 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/15857205 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/16372368 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/16944194 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/17959839